วันพุธที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2555

สวยเพรียวใน 5 ขั้นตอน




1. หยุดกินหน้าทีวี
คุณรู้รึเปล่าว่าการนั่งกินอาหารหน้าทีวี จะทำให้คุณสามารถกินเพิ่มได้จากเดิมถึง 40% รวมไปถึงการขับรถและกิจกรรมอื่นๆ อีกเช่นกัน วิธีที่ดีที่สุดคือ หยุดพฤติกรรมการนั่งกินอาหาหน้าทีวีนั้นซะ
2. กินอาหารที่เผาผลาญไขมัน
การเลือกกินอาหารที่สามารถเผาผลาญไขมันเป็นอีกวิธีที่ช่วยให้ระบบการเผาผลาญของคุณดีขึ้น ซึ่งอาหารที่ช่วยเผาผลาญไขมันได้แก่ ส้มเกรปฟรุต แอปเปิ้ล น้ำมันมะกอก เมล็ดทานตะวัน กระเทียม บลูเบอร์รี่ และถั่วอัลมอนด์ เป็นตัน
3. รู้ทันก่อนกินสลัด
สาวๆหลายคนอาจคิดว่า “ผักนี่แหละที่ฉันกินได้ ไม่ต้องกลัวอ้วน” แต่รู้ไหมว่านั่นเป็นความคิดที่ผิด เพราะผักบางอย่างที่คุณกินเข้าไปนั้นสามารถเพิ่มแทนที่ลดน้ำหนักให้คุณ !! ฉะนั้นก่อนเลือกกินสลัดก็ควรจะดูก่อนว่าผักที่กินเข้าไปนั้นคืออะไร

4. กินผลไม้วันละ 2 ครั้ง
เนื่องจากในผลไม้จะเต็มไปด้วยน้ำและปราศจากไขมัน คุณจึงควรจะรับประทานผลไม้อย่างน้อยวันละ 2 ครั้งเพราะการทานผลไม้จะทำให้คุณทานอาหารอย่างอื่นได้น้อยลง
5. หยุดนิสัยเสียดายของ
เพราะการเสียดายของจนทำให้คุณต้องทานให้หมด และนี่คือสาเหตุความอ้วนของคุณ ฉะนั้นทางที่ดีควรเลิอกทานอาหารแต่พอดีไม่มากจนเกินไป

หลักสูตรเร่งรัดการลดความอ้วนวัยรุ่น ใน 2 สัปดาห์



           วัยรุ่นแม้จะเป็นวัยที่มีการเผาผลาญพลังงานได้ดีกว่าวัยอื่นๆ แต่โรคอ้วนในวัยนี้ก็ยังเห็นอยู่บ่อยๆ อาจจะด้วยเพราะพฤติกรรมการบริโภค หรือกิจกรรมที่แตกต่าง ของแต่ละคน รวมทั้งสภาพร่างกายของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน บางคนเผาผลาญพลังงานได้ดี แต่บางคนหากไม่ออกกำลังกายก็คงไม่มีการเผาผลาญ  จึงทำให้เราเห็นโรคอ้วนในวัยรุ่นบางราย หากพบว่าเรา หรือเพื่อนกำลังเป็นโรคอ้วนทั้งที่ยังอยู่ในวัยรุ่นอยู่ก็ควรรีบหาทางแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพราะหากปล่อยไว้นาน อายุมากขึ้นการเผาผลาญพลังงานน้อยลงจะยิ่งเพิ่มความอ้วนให้กับเราไปกันใหญ่  เพราะแม้แต่ตอนวัยรุ่นที่ร่างการสมบูรณ์ ยังอ้วน  หากเข้าวัยทำงาน ที่หาเวลาออกกำลังกายได้น้อย คงอ้วนท้วนสมบูรณ์แน่นอน
             วันนี้เราได้ค้นพบหลักสูตรพิเศษในการลดความอ้วน ที่ทดลองแล้วว่าได้ผลดีในวัยรุ่น มาฝาก โดยวิธีง่ายๆ ไม่ยุ่งยากอะไร ทำได้ทุกวัน ใช้เวลาไม่มาก แต่ได้ผลเกินคาด


วิธีลดน้ำหนักในวัยรุ่น ภายใน 2 สัปดาห์

1.    เริ่มกันตั้งแต่ตื่นนอนมาให้บริโภคน้ำอุ่นสัก 1 แก้ว เพื่อช่วยให้กระตุ้นการขับถ่าย สามารถปฎิบัติได้ง่ายๆ แต่ต้องสม่ำเสมอ จนไม่ต้องดื่มน้ำอุ่นก็ขับถ่ายได้ เป็นการปรับสมดุลของร่างกาย

2.    ต่อด้วยมื้อเช้าให้ทานไข่ต้นเพียงแค่ 1 ฟองเท่านั้น ห้ามเกินนี้ เพราะการใช้พลังงานตั้งแต่มื้อเช้าไปถึงเที่ยง ไข่ต้ม 1 ฟองก็เพียงพอแล้ว

3.    เมื่อเที่ยงกินสลัดพัก  เน้นกินเมนูที่มีพักเป็นองค์ประกอบหลัก อาจจะทานส้มตำได้ แต่อย่าให้หวาน เน้นผักมากกว่า  หรือหากเมื่อไหร่ที่เบื่อสลัดแล้ว จะเปลี่ยนเมนูมาเป็น โยเกิร์ตรสธรรมชาติก็เข้าท่าเช่นกัน งดของหวานใดๆทั้งสิ้น เช่นพวก  น้ำอัดลม  ขนม

4.    มื้อเย็นหาผลไม้ที่ไม่หวาน มาทานได้หนึ่งลูก เช่น แอปเปิ้ล  เป็นต้น  ที่หวานมากๆอย่าได้ทาน

5.    วิธีสุดท้าย พยายามออกกำลังการเผาผลาญไขมัน อย่าให้มีไขมันสะสมในร่างกาย  การออกกำลังการก็เป็นการปรับสมดุลของร่างกายในเข้าที่เข้าทางด้วยเช่นกัน
        อยากให้เน้นที่ข้อสุดท้ายคือการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและการทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ แต่ทานให้พอดี พอเหมาะ เท่านั้นการลดน้ำหนัก หรือลดความอ้วนในวัยรุ่นก็สามารถทำได้ง่ายๆ และทำได้ทุกๆวัน เพราะตั้งแต่ตื่นเช้ามาก่อนไปโรงเรียนเราก็ทานอาหารเช้ากันทุกคน (ต้องทานอาหารเช้าเพราะเป็นมื้อที่สำคัญ) และตอนเที่ยงก็หลีกเลี่ยงของหวานๆ ขนมต่างๆ น้ำอัดลมยิ่งต้องงด แล้วไม่เกิน 2 สัปดาห์เห็นผล น้ำหนักลดแน่นอน ต่อไปก็ปฎิบัติให้ได้อย่างนี้ จนคิดว่าเรานั้นสามารถปรับตัว ปรับกิจกรรม ปรับพฤติกรรม  ในแต่ละวัน ให้มีความสมดุลเหมาะสมกับอาหารที่ต้องรับประทานเข้าไป  เท่านี้ก็ห่างไกลจากโรคอ้วนแล้ว

วันอังคารที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2555

หุ่นแบบคุณ ควรใส่ชุดว่ายน้ำแบบไหน





สาวสะโพกเล็ก

ปัญหาของสาวสะโพกเล็กแก้ไขไม่ยาก เพียงแค่เลือกบิกินี่ที่มีโบผูกข้างก็ช่วยเสริมให้คุณดูมีส่วนเว้าส่วนโค้งได้แล้ว




สาวอกเล็ก

ถ้าสาวอกเล็กแล้วต้องการเสริม ลองเลือกชุดที่มีระบายหรือโบผูกช่วงบนก็จะช่วยเพิ่มวอลลุมให้สาวอกเล็กดูมีของได้
เหมือนกัน




สาวมีหน้าท้อง

อาจเลือกชุดบิกินี่ที่ยาวปิดสะโพก หรือเลือกใส่ชุดว่ายน้ำแบบวันพีซไปเลย ก็จะช่วยเรื่องกระชับหุ่นได้ดี




สาวต้นขาใหญ่

เลือกใส่กางเกงขาสั้น เพื่ออำพรางส่วนบนของต้นขา สร้างความมั่นใจไว้ก่อน




สาวขาเล็ก

บิกินี่แบบไฮคัตจะช่วยให้สาวขาเล็กมีเรียวขายาวขึ้น ดูหุ่นดีไม่แพ้นางแบบเชียวล่ะ






* ขอขอบคุณ  Who



วิธีแต่งหน้าให้เข้ากับสไตล์ของใบหน้า

เพราะผู้หญิงแต่ละคนจะมีบุคลิกที่แตกต่างกันออกไป รวมถึงสไตล์ของใบหน้าและสีผิว ดังนั้นการแต่งหน้าของผู้หญิงในแต่ละสไตล์จึงแตกต่างกันไปด้วย ฉบับนี้เรามีทิปง่าย ๆ ในการแต่งหน้าสำหรับ
ผู้หญิงแต่ละสไตล์มาฝากให้คุณ ๆ ได้สวยในแบบที่เหมาะกับใบหน้า ทีนี้ไม่ว่าคุณเป็นสาวหมวย สาวหน้าคม หรือสาวหน้าตาไทยแท้ ก็สามารถที่จะสร้างสรรค์องค์ประกอบบนใบหน้าให้กลายเป็นจุดเด่นดูสวย
เหมาะกับความเป็นคุณ ด้วยวิธีที่ไม่ยากมาฝากกันค่ะ


สาวขาวหน้าหมวย
ผู้หญิงสไตล์ผิวขาว หน้าออกแนวไชนีส ดูจิ้มลิ้มน่ารัก ผู้หญิงสไตล์นี้ส่วนใหญ่จะเป็นสาวไทยเชื้อสายจีนหรือไม่ก็หน้าตาละม้ายไปทางญี่ปุ่นหรือเกาหลีที่กำลังอินเทรนด์กันสุด ๆ ตอนนี้ ผู้หญิงสไตล์นี้จะมีจุดเด่นที่ผิวขาว เนียนละเอียดลออ ริมฝีปากบางเป็นสีชมพู รูปหน้ากลมหรือเป็นรูปหัวใจ และส่วนใหญ่จะมีตาชั้นเดียว ซึ่งถือเป็น เสน่ห์อย่างหนึ่งของสาวสไตล์นี้กันเลยทีเดียวค่ะ การแต่งหน้า ของสาวสไตล์นี้เริ่มกันตั้งแต่รองพื้น โดยการเลือกใช้รองพื้น โทนสีเหลือง อย่าใช้สีขาวหรือชมพูนะคะเพราะจะดูหนาทำให้ใบหน้าดูลอย ๆ เหมือนหลอกตา การเขียนคิ้วนั้น ให้เลือกใช้สีน้ำตาลแทนสีดำ เพราะการใช้สีดำนั้นจะไม่เข้ากับสีผิวขาว ๆ ของคุณ ส่วนดวงตานั้น อย่าพยายามสร้างชั้นตาขึ้นมาหลอก ๆ ใช้วิธีสร้างความคมชัดของดวงตาโดยเขียนอายไลเนอร์ให้เป็นเส้นคมบางตามแนวธรรมชาติทั้งขอบตาบนและล่าง ให้เขียนเส้นบนหนากว่าเส้นล่างเล็กน้อย โดยเขียนให้เห็นเส้นที่เขียนเมื่อลืมตา หลังจากนั้น เลือกอายแชโดว์สีปานกลาง เช่นสีบรอนซ์ทาตรงเปลือกตา ให้ทั่ว แล้วเลือกสีอ่อนกว่าแตะเพิ่มความสว่างที่กระดูกโหนกคิ้ว เพราะจะทำให้ดวงตาดูเบิ่งกว้างขึ้น ปัดมาสคาร่า ทับกันสามชั้นเพื่อเพิ่มความสวยหวานสำหรับดวงตา ส่วนแก้มนั้น ควรเติมสีแก้มให้ดูเป็นธรรมชาติด้วยการยิ้มหวาน ๆ หน้ากระจกแล้วเติมสีชมพูบาง ๆ ลงตรงส่วนนูน ที่สุดของหน้าตอนยิ้มแค่นั้นก็พอ ส่วนเรียวปากนั้น คุณสามารถแต่งเติมสีสันตามสีที่คุณชอบได้ตามสบายค่ะ


สาวสวยไทยแท้
สำหรับสาว ๆ ที่มีความสวยแบบไทยแท้นั้น ผู้หญิงสไตล์นี้จะเป็นคนที่มีดวงตาได้รูป ผิวสีน้ำผึ้ง ริมฝีปากดูอวบอิ่ม ดังนั้นจุดเด่นของสาวสไตล์นี้คือความเซ็กซี่ที่มีอยู่แล้วโดยธรรมชาติ ดังนั้นการแต่งหน้าจึงควรเลือกสีสันคมเข้ม แต่ไม่ควรจะเป็นสีสว่างแจ๋นจนเกินไป แต่ก็มีสาว ๆ บางคนมักมีรอยคล้ำใต้ดวงตา ดังนั้นคอนซีลเลอร์จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เลือกสีที่มีโทนเหลือง และใช้สีที่มีโทนอ่อนกว่ารองพื้นหนึ่งเบอร์ รองพื้นที่ใช้ต้องเป็นสีโทนเหลือง ส่วนแก้มนั้นให้เลือก สีพลัมหรือสีโรสซึ่งเป็นสีอมแดง อย่าใช้สีส้มเพราะจะทำให้หน้าคุณดูหมองลง ส่วนตานั้นหลีกเลี่ยงการใช้สีน้ำเงิน ฟ้า และม่วง เพราะจะทำให้ดวงตาดูมืดมนไม่เป็นธรรมชาติ ดังนั้น ควรเลือกสีที่เป็นธรรมชาติแทน ได้แก่ สีน้ำตาล สีน้ำตาลอ่อน สีช็อกโกแลต หรือสีทอง เป็นต้น ส่วนปากนั้นเลือกสีเข้มแต่มีเนื้อบางใส และควรทาสีชมพูสะท้อนแสงลงบนเรียวปากสาวผิวน้ำผึ้งอย่างคุณ

สาวคมหน้าแขก
ส่วนสาวท่านไหนที่มีสไตล์หน้าแขก มีผิวสองสี ดวงตากลมโตดูมีเสน่ห์ลุ่มลึก จมูกโด่งงามได้รูป ผมหนา สาว ๆ สไตล์นี้ควรแต่งหน้าด้วยการเริ่มตั้งแต่คอนซีลเลอร์ ควรเลือกใช้คอนซีลเลอร์ที่มีเนื้อครีมโทนสีเหลืองแต่ปนชมพูนิด ๆ ทาทับด้วยแป้งสีเหลือง ตามความเข้มของสีผิวทั้งเปลือกตาบนและใต้ตา รองพื้นก็ควรใช้สีเหลือง อย่าเลือกสีที่ทำให้ดูขาวขึ้น หรือเลือกสีเข้มจนหน้าคุณดูหมองขึ้นไปอีก ดวงตานั้นให้เลือกรองพื้น ผิวเปลือกตาด้วยสีโทนอบอุ่น อย่าใช้สีขาว แล้วเขียนเส้นขอบตาให้ชัดเจนเพื่อเสริมความโดดเด่นของดวงตาด้วยสีดำหรือสีเทาดำ แล้วใช้สีน้ำตาลทอง แรเงาบริเวณเบ้าตา และปัดมาสคาร่าสีดำ ส่วนแก้มนั้นให้ใช้โทนสีแดงน้ำตาลเพื่อสร้างความแจ่มใสบนพวงแก้มสำหรับสาวผิวสองสี และมาถึงขั้นตอนทาริมฝีปาก ควรใช้สีเข้มดูลุ่มลึกเพราะจะช่วยขับให้ผิวสองสีดูสวยสดใส เช่น สีช็อกโกแลต สีน้ำตาลเข้ม เป็นต้น
เพียงแค่นี้ใบหน้าก็จะดูสวยใส เป็นธรรมชาติตามสไตล์ของคุณ และยังเสริมสร้างเสน่ห์ดึงดูดให้แก่คนรอบข้างและเพศตรงข้ามด้วยละค่ะ

ข้อมูลจาก นิตยสาร ขวัญเรือน



วันอาทิตย์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2555

แต่งหน้าให้เข้ากับผิว



ขอแนะนำโทนสีแต่งหน้าที่เหมาะกับผิวคุณ เพื่อให้ได้นำไปปรับใช้กันค่ะ









1. สาวผิวคล้ำมาก โทนสีแต่งหน้าที่เหมาะกับผิวคุณ คือสีน้ำตาลอ่อน ส้มอมน้ำตาล หรือสีนู้ด และควรจะรองพื้นด้วยรองพื้นสีเท่ากับผิวจริงจะดีที่สุด เพื่อไม่เปลี่ยนผิวให้เป็นสีเทา ไม่เป็นธรรมชาติค่ะ และควรหลีกเลี่ยงลิปสติกสีเข้มอย่างสีแดง สีชมพู เพราะจะทำให้ดูหลอกตาอย่างมากเลยล่ะค่ะ




2. สาวผิวสีน้ำผึ้ง โทนสีแต่งหน้าที่เหมาะกับผิวคุณมากที่สุด คือ สีส้มอมน้ำตาล สีนู้ด และสีทอง และควรรองพื้นด้วยรองพื้นสีสว่างกว่าผิวจริง 1 ระดับ ส่วนลิปสติกที่เหมาะกับสีผิวสีนี้ มากที่สุด คือ โทนสีนู้ดค่ะ และสามารถใช้ลิปสติกสีเข้มได้ แต่ต้องเป็นสีแก่ ๆ นิดหน่อยนะคะ อย่าง น้ำตาลส้ม หรือชมพูส้มอ่อนจะเหมาะมากเลยทีเดียว







3. สาวผิวสองสี สามารถแต่งหน้าได้ทุกโทนสี แต่ไม่ควรจะเข้มมากนัก ส่วนสีที่จะช่วยทำให้ดูโดดเด่นขึ้น ได้แก่ สีส้มอ่อน สีน้ำตาลอมส้ม และสีชมพูอ่อนค่ะ




4. สาวผิวเหลือง โทนสีที่เหมาะกับสาวผิวเหลือง คือ สีชมพู ขาว โดยใช้รองพื้นที่สว่างกว่าผิวจริง 2 ระดับ จากนั้นเล่นสีระหว่างขาวกับชมพู หรือส้มชมพู จะทำให้สาวผิวเหลืองดูมีสุขภาพดี มีเลือดฝาดได้




5. สาวผิวขาว เหมาะกับการแต่งหน้าทุกโทนสี โดยเฉพาะสีเข้ม ๆ แนวสโมคกี้อาย หรือจะเป็นสีหวาน ๆ อย่างสีชมพูก็ได้ แต่หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าสีเหลืองนะคะ เพราะอาจทำให้หน้าดูสว่างมากเกินจนซีด และไม่เป็นธรรมชาติเลยล่ะค่ะ





* ขอขอบคุณเว็บกระปุก

ป้องกันสิว


วิธีการป้องกันสิว





1. ห้ามทานช็อกโกเล็ต เพราะ จะทำให้เกิดไขมันที่ใบหน้า ซึ่งไขมันจะไปอุดตันบริเวณใบหน้า และส่วนอื่น ๆ ทำให้เป็นสาเหตุของการเกิดสิวได้


2. ห้ามทานน้ำอัดลม เพราะ ในน้ำอัดลมจะมีกรดจะทำให้เป็นสาเหตุของการเกิดสิวได้


3. ห้ามทานอาหารเผ็ด เพราะ อาหารเผ็ดจะไปสร้างปฏิกริยาต่อต้านทำให้เป็นสาเหตุของการเกิดสิวได้


4. ห้ามนอนดึก เพราะ ร่างกายของคนเราจะต้องใช้พลังงานในตอนเช้าจึงจำเป็นที่จะต้องการพักผ่อนมาก ๆ ถ้าร่างกายขาดส่วนนี้ก็จะทำให้เสียสมดุล และจะทำให้เลือดในร่างกายเสียอีกด้วย และจะเป็นสาเหตุของการเกิดสิวได้


5. ห้ามเครียด เพราะ การที่เราเครียดนั้นจะส่งผลกระทบต่อร่างกายทุกส่วน แล้วแต่ว่าร่างกายของแต่ละคนนั้นจะแสดงออกมาทางไหน บางคนแสดงออกทางใบหน้าโดยออกมาในรูปของการเป็นสิว ฯลฯ เราจะต้องมีความสบายใจไม่ต้องมีความเครียด เปิดใจไปกับสายลม ไปกับธรรมชาติที่มีสีเขียวสดใสสบายตา แต่ไม่ใช้ว่าเราจะต้องป่อยซะทุกเรื่อง และอย่าเก็บเรื่องเก่า ๆ มานั้งคิดให้ปวดหัว จนเกิดอาการเครียดขึ้นได้ ซึ่งจะส่งผลต่อตัวของเรานั้นเอง


6. ห้ามช่วยตัวเอง เพราะ การทำเช่นนี้จะส่งผลต่อฮอร์โมนของร่างกาย และทำให้เป็นสาเหตุของการเกิดสิวได้


7. จะต้องขับถ่ายทุกวัน เพราะ การขับของเสียออกจากร่างกายจะไม่ทำให้ของเสียสะสมอยู่ในร่างกาย และจะช่วยให้ระบบ และความสมดุลในร่างกายนั้นดีอีกด้วย


* ( สิ่งที่กล่าวมานี้ล้วนแต่เป็นวิธีที่จะแก้สาเหตุของการเกิด สิวได้ไม่มากก็น้อย แต่ผมก็ต้องขอให้ทุก ๆ คนนำคำแนะนำของผมไปปฏิบัติ ซึ่งมันก็ไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหายแต่อย่างใด มันอาจจะเป็นสิ่งที่ดีด้วยซ้ำ และสุดท้ายนี้ผมก็ต้องขอบฝากอะไรไว้หนึ่งอย่างว่า "การที่เราจะทำอะไรนั้นมันต้องใช้เวลาและความพยายามเสมอ"...)


* ขอขอบคุณ รูปภาพจาก อินเตอร์เน็ต


ป้องกัน มะเร็งผิวหนัง

โรคมะเร็งผิวหนัง





      มีข้อมูลจาก น.พ.นิโคลัส เพอริโคน ซึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนังและเป็นผู้แต่งหนังสือ The Wrinkle Cure บอกไว้ว่า จำนวนของผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งผิวหนังมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จากสถิติเมื่อก่อน 1 ใน 10,000 คน ปัจจุบัน พบเพิ่มขึ้นเป็น 1 ใน 93 คน

       สาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงเช่นนี้ ส่วนหนึ่งก็คงจะเป็นเพราะอุณหภูมิของโลกที่สูงมากขึ้นทุก ๆ วัน จนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก รังสีอัลตราไวโอเล็ตทั้ง UVA และ UVB สามารถผ่านมากระทบกับผิวหนังเรามากขึ้นเหตุก็เนื่องมาจากชั้นโอโซนถูกทำลายไปมาก

แล้วเราจะสามารถป้องกันให้ผิวเราปลอดภัยจากโรคมะเร็งผิวหนังได้อย่างไร เรามีวิธีดังนี้


1. ยอมรับในสิ่งที่ธรรมชาติให้มา
หลายคนอยากมีผิวสวยใสไร้ที่ติใบหน้าขาวผ่องเป็นยองใยก็เลยสรรหาผลิตภัณฑ์ที่จะเป็นตัวช่วยให้ผิวหน้าขาวขึ้น แต่ทราบไหมว่าผลิตภัณฑ์ไวเทนนิ่งพวกนี้จะเข้าไปหยุดการทำงานของเมลาโนไซด์ทำให้ผิวหนังของเราบางลง เมื่อเราไปถูกแสงแดดกระทบนาน ๆ เข้า แม้จะแค่ครั้งหรือสองครั้งก็ตามก็มีสิทธิ์ที่จะทำให้มีแนวโน้มของการเกิดมะเร็งผิวหนังได้


2. อาหารเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
อาหารเสริมมีส่วนช่วยให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันรังสีอัลตราไวโอเล็ตมากขึ้นอย่างเช่น เบต้าแคโรทีน สามารถทำให้ผิวพรรณผ่องใสมีสารป้องกันอนุมูลอิสระลดความเสี่ยงของการเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง เพราะสารแคโรทีนอยด์จะไปสะสมที่ผิวหนังทำให้สามารถป้องกันรังสีอัลตราไวโอเล็ตได้มากกว่าเดิม หรือจะเป็นวิตามินซีก็มีส่วนช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งต่อต้านอนุมูลอิสระ และยังส่งเสริมให้ร่างกายนำเอาวิตามินอีไปใช้เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ทรงประสิทธิภาพอีกด้วย


3. หลีกให้พ้นสารเคมี
ทราบกันดีอยู่แล้วว่า สารเคมีต่าง ๆ ที่ตกค้างตามผิวหนังล้วนมีโอกาสที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้ ดังนั้นเราควรจะหลีกเลี่ยงให้พ้นสารเคมีเหล่านี้ แต่ถ้าจำเป็นที่จะต้องเกี่ยวข้องกับสารเคมีก็ควรที่จะมีการป้องกันด้วยเสื้อผ้าที่ปิดมิดชิด


4. หลีกเลี่ยงแสงแดด
การอยู่ท่ามกลางแสงแดดเป็นเวลานาน ๆ จะทำให้ผิวหนังของเราเกิดอาการถูกแดดเผา และผู้ที่ถูกแสงแดดเป็นประจำอาจจะมีผลทำให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังชนิดต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกิดฝ้าแดดและมะเร็งที่ผิวหนัง ดังนั้นเราควรที่จะหลีกเลี่ยงการออกแดดโดยเฉพาะในเวลาตอนกลางวัน



5. กันไว้ก่อนพ่อสอนไว้
หากจำเป็นที่จะต้องออกไปข้างนอกรังสี UVA และ UVB ที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน อาจจะส่งผลให้ผิวหนังเราไหม้ได้ ดังนั้น จึงควรที่ปกป้องผิวหนังด้วยครีมกันแดดยิ่งปัจจุบันครีมกันแดดก็ไม่เหนียวเหนอะหนะเหมือนเมื่อก่อนจึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่ใช้ ครีมกันแดด

*ขอขอบคุณข้อมูลจาก Mix ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

หอมแดงรักษาสิว



เคล็ดลับ  วิธีรักษาสิว ด้วยหอมแดง






     ในหอมแดงสด จะประกอบไปด้วยน้ำมันหอมระเหยและสารต่าง ๆ  ซึ่งมีคุณสมบัติมากมาย เช่น
 ลดไขมันในเส้นเลือด ช่วยเจริญอาหาร และช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรียสาเหตุของสิว

วิธีการรักษาด้วยหอมแดง 

1. เอาหอมแดงสดมาหั่นเป็นแว่นบางๆ หรือจะทุบเอาเลยก็ได้



2. ถ้าหั่นเป็นแผ่นบางๆก็เอาแปะลงไปที่สิวได้เลย หรือถ้าทุบก็เอานิ้วแตะน้ำที่ซึมออกมาไปแต้มสิว

3. ทำซ้ำบ่อยๆ สิวและรอยสิวก็จะหายไปในไม่ช้า เพราะในหอมแดงนั้นมีน้ำมันหอมระเหยซึ่งสามารถช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิวได้


*ขอขอบคุณข้อมูลจาก นิตยสารสวยด้วยแพทย์ ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

กินยังไงไม่ให้อ้วน (health)




กินยังไง ถึงจะไม่อ้วน ??




      อ.กัญชลี ทิมาภรณ์ นักโภชนาการโรงพยาบาลพระรามเก้า ให้ข้อมูลว่า อาหารและสุขภาพเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกัน การเกิดโรคบางชนิดก็มีสาเหตุส่วนหนึ่งจากการกินอาหารที่ไม่เหมาะสม หลายคนเคยหลงรูป รส หรือความสะดวกรวดเร็วของอาหารที่แฝงไปด้วยพิษภัยอย่างเงียบๆ เช่น ฟาสต์ฟูด อาหารสำเร็จรูป เบเกอรี่ ขนมขบเคี้ยว น้ำอัดลมฯลฯ ซึ่งเป็นวัฒนธรรมการกินที่ผิดและตกยุค
            ทั้งนี้ ปัจจุบันคนทั่วโลกต่างให้ความสนใจและหันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น จนเกิดกระแสรักสุขภาพและการกินเพื่อสุขภาพตามมา ดังนั้น จึงขอแนะนำ 7 เคล็ดลับการกินเพื่อสุขภาพเพื่อให้นำไปใช้กัน


1.ทานอาหารเช้าเป็นประจำ เพราะมื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุดและควรเป็นมื้อที่มีคุณค่าครบทั้ง 5 หมู่ในปริมาณที่เหมาะสม เพราะนอกจากจะช่วยเติมพลังให้ร่างกายและสมองแล้ว ยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดช่วยให้การเผาผลาญพลังงานดีขึ้น

2.เลือกอาหารจากธรรมชาติไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ข้าวบาร์เลย์(มอลต์) ถั่ว ข้าวสาลี (โฮลวีต) เมล็ดทานตะวัน เป็นต้น ซึ่งอาหารเหล่านี้มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เป็นแหล่งรวมของแร่ธาตุ วิตามิน โปรตีนที่ปราศจากคอเลสเตอรอลและคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน มีสารแอนติออกซิแดนท์ ใยอาหารและปัจจัยอื่นช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ นอกจากนี้ยังช่วยลดคอเลสเตอรอลและความดันโลหิตได้ หรืออาจเลือกอาหารที่มีส่วนผสมของธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ขนมปังโฮลวีต ซีเรียลจากมอลต์ เป็นต้น


3.เพิ่มผักผลไม้ในมื้ออาหารและทานเป็นประจำ เพื่อเพิ่มวิตามิน เกลือแร่และสารอื่นๆ ที่จำเป็นต่อร่างกาย ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ ช่วยนำคอเลสเตอรอลและสารก่อมะเร็งบางชนิดออกจากร่างกาย ทำให้ลดการสะสมของสารก่อมะเร็งบางชนิด และมีกากใยช่วยในการขับถ่าย ช่วยให้กระบวนการต่างๆ ในร่างกายดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ


4.ลดขนมขบเคี้ยวและขนมอบ ที่มีแต่ไขมัน เกลือ น้ำตาลและสารปรุงแต่งอื่นๆ ที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ หากอยากทานขนมอาจหันมาทานขนมที่มีส่วนผสมของธัญพืชเพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการให้กับขนมที่มีประโยชน์น้อย อย่างไรก็ตาม ควรทานในปริมาณที่เหมาะสมเท่านั้น

5.กินปลา ไข่และเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน อาหารเหล่านี้เป็นแหล่งโปรตีนที่ดี ช่วยเสริมสร้างร่างกายในผู้เยาว์และซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสื่อมสลายในผู้สูงวัย เป็นส่วนประกอบของสารสร้างภูมิคุ้มกันโรคติดเชื้อ ช่วยลดความเสี่ยงของโรคอ้วน ไขมันในเส้นเลือดสูง เป็นต้น


6.ดื่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพแทนน้ำหวาน น้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งมีน้ำตาลสูง การดื่มน้ำผักผลไม้ก็เป็นทางเลือกที่ดีเพราะอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ทั้งคาร์โบไฮเดรต โปรตีน วิตามินและแร่ธาตุกว่า 50 ชนิด เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัน


7.ดื่มน้ำและนมให้เป็นนิสัย ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อช่วยระบบขับถ่ายและมีน้ำหล่อเลี้ยงในเซลล์ต่างๆ ของร่างกาย และควรดื่มนมอย่างน้อยวันละ 1-2 แก้ว ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ เพราะนมอุดมไปด้วยคุณค่าโภชนาการสูง ช่วยในการเจริญเติบโตของเด็กๆ ช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง โดยชนิดของนม ขึ้นอยู่กับวัย หากเป็นเด็กทีกำลังเจริญเติบโตควรเป็นนมจืดธรรมดา แต่ในผู้สูงอายุควรเป็นนมพร่องมันเนยเพื่อมีส่วนช่วยลดคอเลสเตอรอล



          การกินเพื่อสุขภาพมีหลากหลายวิธี อยู่ที่ใครจะเลือกปฏิบัติแบบใด แต่หลักง่ายๆ คือทานอาหารให้ครบหมู่ ครบทุกมื้อ แต่เลือกชนิดและปริมาณที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังต้องออกกำลังกายควบคู่ไปด้วยจึงจะมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง อารมณ์ที่สดใส และห่างไกลจากโรคร้ายต่างๆ อ.กัญชลี ให้คำแนะนำทิ้งท้าย




แครอท ช่วยให้สวยได้



แครอท มาร์กหน้า











       แครอทก็มีคุณงามความดีไม่น้อยหน้าไปกว่ากันแครอทมีวิตามินเอ และวิตามินซีสูง ซึ่งเป็นแอนตี้ออกซิแดนต์ชั้นดีจึงช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระและส่งเสริมการสร้างเซลล์ผิวใหม่ที่แข็งแรงกว่าเดิม

        หนึ่งในวิธีใช้แครอทเพื่อความงามอย่างง่าย ๆ ก็คือ มาร์คหน้าด้วยแครอท ซึ่งมีวิธีทำแสนง่ายและไม่ต้องการส่วนผสมที่ยุ่งยาก เพียงแค่


1.  ต้มแครอทให้สุกและบดจนละเอียด
2.  ผสมน้ำผึ้งลงไป 1 ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้งเป็นส่วนผสมที่ช่วยเยียวยาผิวช่วยฆ่าเชื้อโรคและลดอาการอักเสบ 
3.  คุณอาจเติมน้ำมันมะกอกลงไป 1 ช้อนโต๊ะก็ได้ น้ำมันมะกอกจะช่วยบำรุงผิวทำให้นุ่มนวล ยืดหยุ่น และเปล่งปลั่ง

       ส่วนผู้ที่มีผิวมันสามารถเพิ่มน้ำมะนาวลงไปเล็กน้อยน้ำมะนาวเป็นแอสตริงเจ้นท์ตามธรรมชาติที่ช่วยลดความมันของผิว ปริมาณของน้ำมะนาวขึ้นอยู่กับความมันของผิว ถ้าผิวคุณแห้งง่ายเติมน้ำมะนาวแค่ 8-10 หยด แต่ถ้าผิวมันมากเติมน้ำมะนาวได้ราวหนึ่งช้อนโต๊ะและเพื่อให้ส่วนผสมนุ่มเนียนขึ้น คุณอาจเติมน้ำแร่ลงไปเล็กน้อยแต่อย่าให้มากเกินไป หรือถ้าส่วนผสมเหลวพอแล้วก็ไม่ต้องเติมน้ำอีกก็ได้ จากนั้นทามาร์คลงบนผิวสะอาด ๆ ให้ทั่วทั้งใบหน้าและลำคอ ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างออก แครอทมาส์กเหมาะสำหรับผิวมันและเพื่อป้องกันริ้วรอย





สวยด้วยสมุนไพร


สูตรผิวสวยด้วยสมุนไพร 




เราจะมาแนะนำการนำผักที่เราใช้ทำอาหารนั้น ก็สามารถนำมาเสริมสวยได้
วันนี้ เรานำมาให้ปฏิบัติ อยู่ 3 สูตร ด้วยกันนะคะ




1.ผักกาดหอม
ปั่นผักกาดหอมหั่น 1 ถ้วย นมสด 1/3 ถ้วย วุ้นว่านหางจระเข้ 3 ช้อน เต๊อะไข่แดง 1 ฟอง และน้ำมันมะกอก 1 ชอนชา ปั่นให้ละเอียดเป็นเนื้อครีม แล้วทาทั่วใบหน้าทิ้งไว้ประมาณ 20-25 นาที ล้างออกด้วยน้ำเย็นสัปดาห์ละครั้งผิวหน้าจะชุ่มชื้นเนียนขาวใส เหมาะกับผู้ที่มีผิวแห้งและผิวแพ้ง่าย






2.บัวบก
ปั่นใบบัวบก 1 ถ้วย โยเกิร์ต 1/2 ถ้วย และน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ ปั่นจนละเอียดเป็นเนื้อครีมข้นแล้วทาทั่วใบหน้าทิ้งไว้ประมาณ 20-25 นาที ล้างออกด้วยน้ำเย็นจะทำให้ผิวหน้าเนียน ขาวใส รูขุมขนกระชับ



3.ผักชีฝรั่ง
ใช้รากและใบผักชีฝรั่งสด 2 ถ้วยปั่นกับน้ำต้ม 1 ถ้วย กรองเอาแต่น้ำมาปั่นอีกครั้งกับวุ้นว่านหางจระเข้ใช้สำลีชุบส่วนผสมทาทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ 20 นาที ทาทับอีกครั้ง ทิ้งไว้ประมาณ 25 นาที ล้างออกด้วยน้ำเย็น ทำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ผิวหน้าจะเนียนนุ่ม เต่งตึง ขาวใส








บำรุงผิวสวยด้วยผลไม้

ความสวย เป็นเรื่อง ที่สำคัญสำหรับผู้หญิง วันนี้ เราจึงได้นำ เรื่อง การรับประทานผลไม้ ที่จะช่วยให้คุณผู้หญิง สวยใส ได้จากภายใน และผักผลไม้ที่ให้คุณประโยชน์ มีดังนี้



8 ผัก ผลไม้บำรุงผิวพรรณ






1. ส้ม
ไม่ใช่เพียงรสชาติที่หอมหวานอมเปรี้ยวนิดๆ อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใครของส้ม แต่ยังอุดมไปด้วยเส้นใยธรรมชาติ วิตามินซี เกลือแร่ และคอลลาเจนสูง ผลไม้จำพวกมะนาวหรือส้ม ช่วยป้องกันโรคได้เพราะมีคุณสมบัติเป็นตัวล้างพิษ พร้อมทั้งช่วยบำรุงระบบภูมิคุ้มกันโรคให้แข็งแรง ไม่เป็นหวัดง่าย นอกจากนี้การรับประทานส้มทั้งกากใยจะช่วยลดความอ้วนและช่วยระบบขับถ่ายเป็นปกติได้อีกนะ



2. สตรอเบอรี่
ผลไม้น่ารักๆ ที่เหมาะกับสาวๆ เสียจริงๆ อีกทั้งยังอุดมไปด้วยวิตามินซีจำนวนมาก วิตามินเอ ฟอสฟอรัส แคลเซียม มี "กรดแอสคอร์บิก" (Ascorbic acid) ซึ่งช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน ทั้งยังช่วยเพิ่มภูมิต้านทานของร่างกายต่อโรคภัยต่างๆ เช่น โรคภูมิแพ้ และโรคหวัด ป้องกันการเกิดมะเร็ง โรคหลอดเลือดอุดตัน เป็นต้น ที่สำคัญคือ ยังช่วยชะลอความชรา และการเกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร อีกด้วย...น่าหม่ำแล้วใช่ไหมล่ะค่ะ





3. แครอท
มื้อค่ำนี้ลองทำเมนูแครอทรับประทานสักมื้อก็ดีนะค่ะ เพราะแครอทอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน วิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี เกลือแร่ และแคลเซียมที่ดูดซึมง่าย ซึ่งมีแพคตินซึ่งเป็นไฟล์เบอร์ชนิดที่ละลายน้ำได้ ต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดโคเลสเตอรอล ช่วยบำรุงสายตา และผิวพรรณให้สดใสอ่อนเยาว์ ช่วยลดความเสี่ยงจากโรค เช่น มะเร็ง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และยังช่วยเพิ่มภูมิต้านทานโรค ห่างไกลหวัดไปอีกนานค่ะ



4. บร็อคโคลี
ผักเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริงเลยค่ะสาวๆ บร็อคโคลีจัดอยู่ในกลุ่มของผักจำพวกกะหล่ำปลีและกะหล่ำดอก มีสารที่ชื่อว่า ไอโซธิโอไซยาเนทส์(Isothiocyanates) ที่ช่วยต่อต้านการเกิดโรคมะเร็งปอดนั่นเอง และสามารถป้องกันอัตราเสี่ยงการเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะอีกด้วยค่ะ และที่เกี่ยวกับความงามของสาวๆ โดยเฉพาะก็คือ บร็อคโคลีมีซีลีเนียมมากซึ่งจะช่วยบำรุงผิวพรรณและช่วยเพิ่มความนุ่มนวลแก่ผิว ลดริ้วรอยด้วยค่ะ



5. ถั่ว
อุดมด้วยโปรตีน เหล็ก และวิตามินบี และมีไฟเบอร์ชนิดที่ละลายน้ำสามารถทำให้สาวๆ รู้สึกอิ่มเร็วและอยู่ท้อง ความอยากอาหารจะลดลง ผลการวิจัยพบว่าคนที่กินถั่วเป็นประจำจะผอมกว่าคนที่กินของขบเคี้ยวชนิดอื่นๆ เช่น ถั่วอัลมอนด์ และพีแคน ช่วยลดคอเลสเตอรอลได้ถึง 11.3% ถั่วลิสงและวอลนัต ช่วยปกป้องหัวใจโดยลดคราบไขมันในหลอดเลือด ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี เรียกได้ว่าเป็นอาหารไดเอ็ทอีกเมนูหนึ่งที่สาวๆ โปรดปรานกันเลยทีเดียวค่ะ


 
6. ลูกพรุน
ลูกพรุนผลไม้สำหรับสาวๆ ผู้รักสุขภาพและความงามขนานแท้ เพราะลูกพรุนอุดมไปด้วย โปแทสเซียม เหล็ก และไฟเบอร์สูง ช่วยให้มีเลือดฝาด แก้มแดงระเรื่อ แลดูเป็นสาวสดใสมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ลูกพรุนยังมีธาตุเหล็กที่มีประโยชน์ในการบำรุงเลือดของผู้หญิงอีกด้วย



7. แอ๊ปเปิ้ล
แอ๊ปเปิ้ลอร่อยๆ ก็ต้องคู่กับกับหุ่นสวยของสาวๆ อย่างแน่นอนเลยทีเดียวค่ะ เพราะแอ๊ปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่มีประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักได้อย่างมหัศจรรย์มากๆ นอกเหนือไปจากเบต้าแคโรทีน วิตามินซี และเกลือแร่ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายแล้วในแอ๊ปเปิ้ลหนึ่งผลจะให้พลังงานแก่คุณเพียง 47 แคลอรี และมีกรดผลไม้ทำให้หายอยากอาหาร และแถมลดความดันโลหิตและลดคลอเลสเตอรอลที่อุดตันในเส้นเลือดได้เป็นอย่างดี



8. กล้วย
สำหรับสาวมั่นที่ออกจะใจร้อนไปหน่อยลองหันมารับประทานกล้วยให้มากขึ้นสิค่ะ เพราะกล้วยนั้นสามารถควบคุมอุณหภูมิของร่างกายและจิตใจให้สมดุล ทำให้อารมณ์ดีแจ่มใส ยิ้มแย้มร่าเริง กลายเป็นสาวที่มีเสน่ห์ได้ในพริบตา เนื่องจากกล้วยอุดมด้วยน้ำตาลธรรมชาติ 3 ชนิด คือ ซูโครส ฟรุคโทส และ กลูโคส รวมกับเส้นใยและกากอาหาร กล้วยจะช่วยเสริมเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายทันทีทันใดและช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเส้นเลือดให้คงที่ค่ะ




สาวๆ หลายๆ คนที่อยากสวย จากภายใน ต้องลองรับประทาน ผลไม้ ทั้ง 8  ชนิดนี้ดูนะคะ 
รับรอง สวยขึ้นแน่นอนคะ